กรมการปกครอง - สว. แจง ปมผู้แสวงบุญฮัจย์ถูกลอยแพที่ซาอุฯ

กรมการปกครอง - สว. แจง ปมผู้แสวงบุญฮัจย์ถูกลอยแพที่ซาอุฯ





ad1

เมื่อวันที่ 19 ก.ค.66 กรมการปกครอง เผย กรณีผู้แสวงบุญถูกลอยแพทั้ง 547 คนที่ประเทศสาอุดิอาราเบียแล้วว่า เกิดจากการขาดสภาพคลองทางการเงินของบริษัท ประกอบกับแซะ บางคนได้จ่ายเงินไม่ครบทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว ขณะเดียวกัน กรมการปกครองได้เตรียมเงินสำรองจ่ายเรียบร้อยแล้วของกองทุนฮัจย์ แต่ก็ไม่ได้มีการร้องขอความช่วยเหลือจากบริษัท   

ตั้งแต่รับทราบว่าผู้แสวงบุญถูกลอยแพ ท่านอธิบดีกรมการปกครอง ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งตรวจสอบทันที พร้อมเตรียมห้องพักไว้ เป็นสำนักงานกิจการฮัจย์ ที่เราเช่าตึกไว้ในเมืองมักกะห์ สามารถรองรับได้ 130 คน เมื่อตรวจสอบส่วนใหญ่เขาประสงค์อยู่ที่เดิม และมี 21 คนที่มีผู้ใจบุญ ให้ความช่วยเหลือไปก่อน ซึ่งตรงนี้ คนที่ช่วยก็น่าชื่นชม เป็นเรื่องที่ดี ส่วนเรื่องอาหารมีหลายหน่วยเข้าไปช่วย ทั้ง อมิรุลฮัจย์ กรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ทีรับผิดชอบงานที่อยู่ที่โน้นเข้าไปช่วยเหลือ

และได้เตรียมเงินกองทุนสำหรับผู้เดินทาง ของกรมการปกครอง ที่รับโอน จากกรมศาสนา เมื่อปี 2560 มีเงินจำนนวน 300 ล้าน ที่มีวัตถุประสงค์ให้ผู้ประกอบการยืมไปสำรองที่พัก และทุกๆปีผู้ประกอบการจะทำเรื่องขอยืม โดยการยืมก็จะมีหลักประกันเพื่อกลับมาแล้วไม่ชำระหนี   และเคสนี้ผู้ประกอบการก็ไม่ได้ประสงค์ จะยืมแล้วเขายืนยันว่า ได้จัดที่พักให้แล้ว ตอนนี้ก็เห็นว่าเหตุการณ์ คลี่คลายลงแล้ว คือ เคสนี้เหมือนผู้แสวงบุญจะรับทราบอยู่แล้วว่าบริษัทได้ประสบปัญหาเรื่องเงิน ซึ่งเขาหมุ่นเงินตั้งแต่ปี 2563 ตอนเกิดโควิด ทางผู้ประกอบการก็ค้างเงินค่าตั๋วเครื่องบิน ก่อนเดินทางก็มีปัญหาค้างค่าเครื่องบิน ประมาณเกือบ 11 ล้าน ก็เลยเอาเงินส่วนค่าโรงแรมค่าอาหารมาจ่ายค่าตั๋ว เพื่อให้ผู้แสวงบุญได้เดินทาง แล้วเขาก็ตกลงกันว่า ที่พักอาจไม่เป็นไปตามที่ระบุส่วนอาหารก็ประกอบอาหารกันเอง แต่ กลุ่ม 21 คน เขาอ้างว่าเขาจ่ายเงินครบ เขาอาจได้อยู่โรงแรมไม่ดี ก็เลย มีข่าวออก มันอาจจะเป็นปัญหาทางแซะๆเขาไม่ส่งเงิน และเห็นว่าบริษัทเขาหมุนเงินเยอะ ไม่แน่ใจว่าบริษัทขาดสภาพคล่องขนาดไหน 
 

ในส่วนข่าวกรณีที่ทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อนุมัติเงิน 10 ล้านบาท นั้น  ทราบว่าท่านยังไม่ทราบเรื่องและยัง รู้สึกงงว่าข่าวมาจากไหน ตนจึงคิดว่าคนให้ข่าวน่าจะ คิดว่าเป็นเงินจาก กองทุนของฮัจญ์ ที่มีสำรองเป็นปกติอยู่แล้ว  

ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงเผยข้อมูล เจ้าหน้าที่กิจการฮัจย์รายงานว่า เจ้าของบริษัทเข้าชีแจงข้อเท็จจริงแล้ว ที่มักกะห์บริษัทได้เช่าห้องพักไว้ 2 จุด 1. อาคารอับดุลเลาะห์ วัน เขตดะห์ลา จำนวน 450 คน ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร 2. อาคารอุมมุล กุสุโชม เขตยุมัยชะห์ จำนวน 100 คน ระยะทางประมาณ 1.8 กิโลเมตร ต่อมาผู้แสวงบุญ 310 คน ย้านจากอาคารที่พักไปพัก โรงแรมซอฟวะห์ มัสยิดฮารอม เพราะแซะห์ได้ชำระค่าที่พักค่าบริการต่างๆ ให้กับบริษัทครบถ้วน วันที่ 16 มิถุนายน 2566 บริษัทได้เรียกแซะมาคุยเพื่อแจ้งให้ทราบถึงปัญหาทางการเงินของบริษัทว่า บริษัทไม่มีเงินที่จะชำระค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน จำนวนกว่า 10 ล้านบาท จึงต้องนำเงินค่าอาหารที่จะจัดบริการผู้แสวงบุญนั้นมาชำระค่าบัตรโดยสารก่อนบางส่วนและรวบรวมเงินจากส่วนอื่นๆจนครบ สำหรับอาหาร แซะ แต่ละกลุ่มจะเป็นผู้รับผิดชอบ และยังได้เช่าที่พักไว้ที่ เมืองมาดีนะห์ คือ Manar Al-Siver Hotel (ตั้งอยู่ห่างจาก มัสยิดนาบาวี 2 กม.) เป็นเวลา 3 วัน อาหาร แซะต้องเป็นผู้ดำเนินการ

นายภานุ อุทัยรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ทั้งหมดบริษัทนี้เอาคนไปทั้งหมด 547 คน คือคนกลุ่มนี้รอไปตั้งแต่ปี 2563 แล้วเจอวิกฎติ พอถึงเวลาจะไป มีการขึ้นราคา และในจำนวนนี้ 310 คนได้ไปอยู่ใกล้มัสยิดฮารอม แต่ 200 กว่าคนพร้อมที่จะอยู่ที่เดิม เขาทำสัญญาอยู่จนจบเทศกาลฮัจย์ แล้วหลังจากนั้นเขาจะไปมาดีนะห์ แล้วกลุ่ม 21 คนก็มีการเรียกร้องเพิ่ม ส่วนอาหารที่กินอยู่ทุกวันนี้ ก็ได้นำเงินประกันของบริษัท ที่อยู่ที่กรมการปกครอง ประมาณ 6 แสน ก็เอามาใช้แก้ไขปัญหาเรื่องอาหารที่มาดีนะห์ 3 วัน จากนั้นทั้ง 547 คน มีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทย วันที่ 26 กรกฎาคม 2566
     
สำหรับเงินกองทุนฮัจย์ ที่มีการเข้าใจผิด เพราะเงินนี้จะเอามาใช้ได้ มีวัตถุประสงค์ 1. สำหรับบริษัทผู้ประกอบการยืมไปเช่าบ้านในกรณีที่เงินไม่พอหรือไม่ได้รับจากผู้แสงบุญ เป็นเงินอำนวยความสำดวก ให้กับผู้ประกอบกิจการฮัจย์ 2.ถ้าคณะบรรดาเจ้าหน้าที่ไปแล้ว เช่น ค่าเครื่องบินเราประมาณการไว้ 6 หมื่นแต่เครื่องบิน 8 หมื่น หรือที่พัก 2 หมื่นจ่ายจริง 4 หมื่นก็สามารถเอาเงินนี้มาช่วยเหลือ อันนี้เฉพาะกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับประชาชน 3.ผู้แสวงบุญ ประสบภัยพิบัต สาธารณะภัย เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด รัฐบาลจะใช้เงินกองทุนจัดการไปก่อน รัฐจะจัดเงินคืนแทนให้ คือ เงินกองทุน 300 ล้านก็ต้องอยู่ครบ 300 ล้าน เป็นเงินสำรองเพื่อช่วยให้เงินสภาครอง ยืมไปก็ต้องจ่าย แต่กรณีอันนี้มันไม่ตรงวัตถุประสงค์ที่จะนำไปใช้ เพราะอันนี้เป็นความผิดพลาดจากบริษัท เพราะบริษัทเบี้ยวกันเอง บริษัทไม่ทำตามเงือนไข ขณะที่ชาวบ้าน ก็มีความต้องการที่เพิ่มขึ้น ก็ต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้าน

ก่อนหน้านี้กรมการปกครองก็รู้แล้วว่า บริษัท มีอาการไม่ค่อยดี เขาจึงมีการทำบันทึกข้อตกลงไว้ด้วยว่าจะดุแลอะไรยังไง พยายามปิดช่องไว้หลายอย่างแต่ก็ อย่างว่าแหละคนเงินหายไปด้วยวิกฎติ ก็น่าเห็นใจเขา ตัวเองไม่ไปก็ให้ลูกเมียไปแทน