DSI หลุดโฟกัสคดีหมูเถื่อนล่าช้า หันสอบขาไก่สวมสิทธิ์ 10,000 ตู้

DSI หลุดโฟกัสคดีหมูเถื่อนล่าช้า หันสอบขาไก่สวมสิทธิ์ 10,000 ตู้





ad1

เกือบครบรอบ 1 ปี ในเดือนเมษายนนี้ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับคดีหมูเถื่อนมาจากกรมศุลกากร เพื่อสอบสวนและหาผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการนำระบบการค้าสุกรของไทยเข้าสู่ภาวะปกติ ราคาหมูในประเทศปรับตัวดีขึ้น “ปลดล็อก” เกษตรกรออกจากภาวะขาดทุนยาวนานที่สุด เพราะหมูเถื่อนที่มีต้นทุนต่ำมากดัมพ์ราคาในประเทศ จนหมูไทยแข่งขันไม่ได้ทั้งที่คุณภาพและความปลอดภัยสูงกว่า แต่จนถึงวันนี้ภาครัฐยังไม่สามารถจับผู้กระทำผิดตัวจริงได้ และคดียังอยู่ระหว่างการสอบสวนที่ลากยาวมาหลายเดือน ความหวังที่จะเห็นตัวผู้กระทำผิดคงเป็นเรื่องยากและเลือนลาง

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ต้องประกาศลดราคาแนะนำสุกรคละมีชีวิตหน้าฟาร์มลงแรงถึง 6 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม แต่ราคาที่เกษตรกรขายได้จะต่ำกว่าราคาประกาศแน่นอน ขณะที่ต้นทุนเฉลี่ยของเกษตรกรอยู่ที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม และสาเหตุที่หมูไทยราคาตกต่ำต่อเนื่องเช่นนี้ เนื่องจากถูกหมูเถื่อนแทรกแซงตลาดและดั๊มพ์ราคาขาย แสดงให้เห็นว่ายังคงมีหมูเถื่อนตกค้างอยู่ในประเทศอีกจำนวนมาก

ผู้เลี้ยงหมูแบกภาระขาดทุนสะสมมานาน 1 ปี เท่ากับเวลาที่ DSI ทำคดีหมูเถื่อน แต่ยังไม่ปรากฎผลเชิงประจักษ์แม้แต่คดีเดียว ทั้งคดีหมูเถื่อนตกค้าง 161 ตู้ ของกลาง 4,500 ตัน และคดีหมูเถื่อนเล็ดลอดออกสู่ตลาดในประเทศ 2,385 ใบขน ของกลาง 60,000 ตัน คดีแรกได้ตัวนายทุน อยู่ในขั้นตอนสอบสวนและคาดว่าคงอีกหลายรอบยาวไป... ส่วนคดีที่ 2 เป็นการต่อยอดจากคดีแรก พบมีการลักลอบนำเข้าขาไก่เพื่อสวมสิทธิ์ส่งออกไปประเทศจีนจำนวน 10,000 ตู้ และเป็นคดีที่ส่วนเกี่ยวข้องกับนักการเมือง ทำให้ DSI หลงทาง หรือ รับใบสั่งเร่งรัดทำดำเนินคดีนี้หรือไม่ ทำให้การสอบสวนและดำเนินคดีหมูเถื่อนชะงักไป 1 เดือน 

นอกจากนี้ การเรียกสอบสวนข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าทั้งกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และกรมประมง ยังไม่มีการรายงานผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ แต่กลับส่งเอกสารให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำการตรวจสอบยึดทรัพย์ แทนการดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญา ตามความผิดของโทษขั้นสูงสุด ทำให้เห็นว่าการดำเนินคดีไม่เป็นไปตามขั้นตอน 

ถึงวันนี้ DSI ควรโฟกัสการดำเนินคดีหมูเถื่อนตามขั้นตอน โดยเฉพาะคดี 161 ตู้ ที่มีความคืบหน้าไปมากกว่า 50-60% เดินหน้าให้ถึงเป้าหมายเพื่อนำตัวนายทุน บริษัทนำเข้า ข้าราชการ และนักการเมือง ที่อยู่ในห่วงโซ่การกระทำความผิดเส้นนี้ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย และร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ กรมปศุสัตว์ ตรวจค้นห้องเย็นทั่วประเทศอย่างเข้มข้น เพื่อกวาดล้างหมูเถื่อนให้หมด โดยดำเนินคดีให้เสร็จสิ้นตามลำดับก่อนหลัง แต่หันไปทำคดีใหม่ตลอดเวลาไม่ดำเนินคดีเก่าให้ถึงที่สุด“คนร้าย” ก็ลอยนวลต่อไป เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คงถึงเวลา “ปิดตำนาน” คนเลี้ยงหมูไทยในอนาคตอันใกล้นี้ 

โดย...เอมอร อัมฤก นักวิชาการอิสระ